ยาลูกอม (Throat lozenge)

บทความที่เกี่ยวข้อง

ยาลูกอม ยาอม (Throat lozenge, Cachou cough drop, Cough sweet, Cough tablet, หรือ Troche) เป็นลูกกวาดบำบัด (Medicated sweet) สำหรับอมไว้ในปากให้ลูกอมละลายช้าๆในช่องปาก เพื่อหล่อลื่นเยื่อเมือกอันระคายเคืองในช่องปากและลำคอ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคือง อาการไอ และอาการเจ็บคอ ซึ่งมักเป็นเพราะคอหอยอักเสบ (Pharyngitis) เนื่องจากโรคหวัดหรือมีไข้

ยาอม อาจเจือสาร เบ็นโซเคน (Benzocaine) ซึ่งเป็นยาระงับความรู้สึก (Anesthetic) ประ เภทหนึ่ง หรืออาจเป็นน้ำมันยูคาลิปตัสก็ได้ ในหลายๆขนานปรากฏว่ามี การบูร น้ำมันสะระแหน่ หรือสะระแหน่หอม เป็นตัวนำกลิ่น บ้างก็ใส่น้ำผึ้งด้วย

ส่วนยาอมที่ไม่ผสมการบูร มักใช้สาร ซิงก์กลูโคเนตไกรซีน (Zinc gluconate glycine) หรือ ไม่ก็ เพกติน (Pectin) ปรุงเป็นยาบรรเทาอาการระคาย (Demulcent) อย่างไรก็ดี ยาอมหลายๆยี่ห้อในท้องตลาดมักประกอบด้วย ยาเด็กซ์ทรอเมโทเฟน (Dextrometrophan: ยาระงับอาการไอ)

ยาอมนั้นควรบริโภคแต่พอประมาณ เพราะส่วนประกอบบางชนิดหากรับประทานมากจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย

อนึ่ง ยาอมบางประเภทที่มีสรรพคุณต่อต้านแบคทีเรีย ก็ช่วยให้ลมหายใจสดชื่น และขจัดแบคทีเรียที่ทำให้กลิ่นปากเน่าเหม็นด้วย

ข้อควรระวัง

ในเด็กยาอมที่มีส่วนผสมของสะระแหน่ อาจทำให้รู้สึกระคายเคืองเยื่อบุทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจได้

ส่วนหญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ไม่มีข้อห้ามในการใช้ยาอมมีส่วนผสมของสะระแหน่

ข้อควรระวังข้างต้นใช้กับยาอมทั่วไป ถ้าเป็นยาอมที่มีส่วนผสมของยาเฉพาะกลุ่ม อาจต้องพิจารณาเป็นรายยาอมนั้นๆ ในที่นี้จะยกตัวอย่างยาอมแก้เชื้อรา ที่มีชื่อทางการค้าว่า Fungiderm

ยา Fungiderm Lozenges

  • ชื่อยาสามัญ: Clotrimazole
  • ชื่อยาทางการค้า: Fungiderm lozenges
  • รูปแบบยา: ยาอม
  • สรรพคุณ: ยานี้ใช้สำหรับรักษาโรคเชื้อราในช่องปาก (Thrush infection)
  • วิธีใช้ยา:
    • ยานี้ใช้อมให้ละลายในปาก หรือให้ใช้ยานี้ตามวิธีใช้ที่ระบุบนฉลากยา โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และหากมีข้อสงสัยให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
    • ควรอมยานี้ให้ตรงเวลาทุกครั้ง
    • ห้ามหยุดใช้ยาด้วยตัวเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน
    • อมยาทั้งเม็ด ห้ามเคี้ยว หรือกลืนยานี้
    • หากอาการติดเชื้อราในช่องปากไม่ดีขึ้นภายใน 3-7 วันหลังจากใช้ยา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
  • สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ:
    • การเคยแพ้ยา Clotrimazole หรือเคยแพ้ยาอื่นๆ
    • ยาอื่นๆ ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ใช้เอง วิตามิน อาหารเสริม และยาสมุนไพร ที่ท่านใช้อยู่ในขณะนี้หรือกำลังจะใช้
    • การตั้งครรภ์ การวางแผนในการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
  • ทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาหรือใช้ยา: โดยทั่วไปถ้าลืมใช้ยา ให้อมยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าเป็นเวลาที่ใกล้กับมื้อต่อไป ให้ข้ามไปอมยามื้อต่อไปเลย โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
  • อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา:
    1. อาการอันไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง) : ยาลูกอมมักไม่มีอาการข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยานี้ที่ต้องแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทันที
    2. อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจำวัน ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย
  • การเก็บรักษายา: เก็บยานี้ในภาชนะบรรจุเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะให้สนิท และเก็บให้พ้นมือเด็ก เก็บยานี้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ให้อยู่ในที่ร้อนมากกว่า 30 องศาเซลเซียส (Celsius) เช่น บริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง และไม่เก็บยาในบริเวณที่เปียกหรือชื้น

สรุป

  1. ยาอมให้ความชุ่มชื้น หรือ แก้ไอ ปกติจะอมครั้งละ 1-2 เม็ด ว้นละ 3-4 ครั้ง หรือเวลาไอ ในกรณีที่ยาอมนั้นมีส่วนผสมของยาแก้ไอ เด็ทซ์ทรอเมโทรฟาน (Dextromethorphan) แต่ถ้าเป็นยาอมสมุนไพรมักไม่มีข้อจำกัดว่าห้ามอมไม่เกินวันละเท่าไร
  2. ถ้าเป็นยาอมที่มีส่วนผสมของรสมิ้นต์ หรือรสเมนทอล ก็สามารถอมได้บ่อยๆโดยไม่มีข้อจำก้ดในปริมาณที่ใช้อม
  3. ยาอมฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ปกติจะอมตามที่ระบุไว้ในฉลากยา วันละ 3-4 ครั้ง มักไม่เกินวันละ 8 เม็ด เช่น ยาอมมายบาซิน (Mybacin lozenge)
  4. ยาอมเฉพาะโรคต่างๆ จะอมตามที่ระบุไว้ในฉลากยา โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุในฉลาก ควรอมให้ตรงเวลาตามที่กำหนด เช่น เมื่อมีการติดเชื้อราในช่องปาก
  5. ในคนเป็นเบาหวาน ปกติน้ำตาลที่มีอยู่ในลูกอมจะมีปริมาณไม่มากจนเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยเบาหวานถ้าอมตามที่ระบุไว้ ซึ่งปกติคนเป็นเบาหวานควรพกลูกอมติดตัว เพื่อใช้ในกรณีเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

บรรณานุกรม

  1. http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%A1[2014,April3].
  2. http://www.yaandyou.net/index.php/component/drug/?nsetidT=946&drugtype=t&drugname=FUNGIDERM+(LOZENGES)[2014,April3].